เปิดทำเนียบ ศิลปินแห่งชาติ ดินแดนแห่งนักปราชญ์ เมืองอุบลราชธานี
วันศิลปินแห่งชาติ ตรงกับวันที่ 24 กุมภาพันธ์ของทุกปี เนื่องจากตรงกับวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 แห่งราชวงศ์จักรี ผู้ทรงเป็นพระปฐมบรมศิลปินแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ด้วยทรงพระปรีชาสามารถในศิลปกรรมด้านต่างๆ หลายสาขา ไม่ว่าจะเป็นด้านกวีนิพนธ์ ด้านประติมากรรม และด้านดนตรี ดังนั้น เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2528 ประกาศให้วันที่ 24 กุมภาพันธ์ของทุกปีเป็นวันศิลปินแห่งชาติ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยมีพระอัจฉริยภาพในงานศิลปะหลายสาขา ทั้งทางด้านประติมากรรม ได้ทรงร่วมกับช่างประติมากรรมฝีมือเยี่ยมในสมัยนั้นแกะสลักบานประตูไม้พระวิหาร วัดสุทัศน์เทพวรารามเป็นลายเครือเถารูปป่าหิมพานต์นับเป็นงานฝีมือชั้นเยี่ยม
ด้านวรรณกรรม ถือว่าทรงเป็นกวีเอกแห่งแผ่นดินพระองค์หนึ่ง ทรงพระราชนิพนธ์วรรณกรรมไว้จำนวนมากมายหลายเรื่อง เช่น อิเหนา ซึ่งเป็นวรรณคดีที่ได้รับการยกย่องจากวรรณคดีสโมสรในรัชกาลที่ 6 ว่าเป็นยอดของกลอนบทละครรำ นอกจากนี้ยังทรงพระราชนิพนธ์บทละครนอกไว้ถึง 5 เรื่อง ได้แก่ ไกรทอง พระไชยเชษฐ์ คาวี สังข์ทอง และมณีพิชัย และด้วยพระปรีชาสามารถของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ในด้านวรรณกรรม ทรงได้รับการยกย่องจากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ให้เป็นบุคคลสำคัญของโลกสาขาวรรณกรรม
วันศิลปินแห่งชาติ จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2527 ซึ่งทางสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ มีวัตถุประสงค์ในขณะนั้นว่า ต้องยกย่อง เชิดชู สนับสนุน ส่งเสริม รวมถึงช่วยเหลือศิลปินผู้สร้างสรรค์งานศิลปะอันทรงคุณค่า ศิลปินแห่งชาติได้กำหนดไว้ 3 สาขา ได้แก่
1. สาขาทัศนศิลป์ (Visual Art) หมายถึง ศิลปะที่มองเห็นได้ด้วยตา จะเป็นศิลปะสองมิติ หรือสามมิติ ซึ่งได้แก่ ผลงานศิลปกรรมประเภทต่าง ๆ ที่แสดงถึงภูมิปัญญาของผู้สร้างสรรค์ และมีเอกลักษณ์โดดเด่น โดยสามารถแบ่ง ได้เป็น 8 สาขา ได้แก่ จิตรกรรมประติมากรรม ภาพพิมพ์ ภาพพิมพ์และสื่อประสม ภาพถ่าย ภาพถ่ายศิลปะ สื่อประสม สถาปัตยกรรม (แบบร่วมสมัย) สถาปัตยกรรม (แบบประเพณี) สถาปัตยกรรมไทย ประณีตศิลป์ ประณีตศิลป์-แกะสลัก ประณีตศิลป์-ศิลปะผ้าทอ ประณีตศิลป์-ศิลปะปูนปั้น ออกแบบอุตสาหกรรม
2. สาขาศิลปะการแสดง (Performing Art) หมายถึง ศิลปะที่เกี่ยวข้องกับการแสดง ซึ่งเป็นได้ทั้งแบบดั้งเดิมหรือพัฒนาขึ้นใหม่ ได้แก่ การดนตรี นาฏศิลป์ และภาพยนตร์และละคร
3. สาขาวรรณศิลป์ (Literature) หมายถึง ศิลปะที่เกี่ยวกับงานประพันธ์ต่าง ๆ ได้แก่ กวีนิพนธ์ บทละคร เรื่องสั้น และนวนิยาย
คุณสมบัติของศิลปินแห่งชาติ ประกอบด้วยหลักเกณฑ์ที่สำคัญต่อการพิจารณาเชิดชูเกียรติบุคคลด้านศิลปะ 8 ประการ ได้แก่
1. มีสัญชาติไทย
2. มีชีวิตอยู่ในวันประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติ
3. เป็นผู้มีคุณธรรม มีความรู้ความสามารถ มีความเชี่ยวชาญ และมีผลงานดีเด่นเป็นที่ยอมรับ ของวงการศิลปะในสาขานั้น
4. เป็นผู้สร้างสรรค์และพัฒนาศิลปะในสาขาที่ได้รับการประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติ
5. เป็นผู้ผดุง ถ่ายทอด เผยแพร่ หรือเป็นต้นแบบศิลปะในสาขาที่ได้รับการประกาศ ยกย่องเชิดชูเกียรติ
6. เป็นผู้ทุ่มเท อุทิศตนเพื่องานศิลปะ และมีผลงานที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม
7. ไม่มีความประพฤติเสื่อมเสีย
8. ไม่เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ
สิทธิประโยชน์ และตอบแทนที่ได้รับจากทางราชการ ผู้ที่ได้รับการยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติจะได้รับสิทธิประโยชน์ตอบแทนจากกองทุนส่งเสริมวัฒนธรรม ได้แก่
1. ค่าตอบแทนรายเดือนตลอดระยะเวลาที่มีชีวิตอยู่ 25,000 บาทต่อเดือน
2. ค่ารักษาพยาบาลว่าด้วยเงินสวัสดิการ (เว้นแต่มีสิทธิ์เบิกจากหน่วยงานอื่นโดยให้เบิกจากหน่วยงานนั้นก่อน ถ้าเบิกจากหน่วยงานนั้นได้ต่ำกว่าสิทธิตามพระราชกฤษฎีกาให้มีสิทธิเบิกในส่วนที่ยังขาดอยู่ได้อีกภายในวงเงินไม่เกิน 100,000 บาทต่อปีงบประมาณ)
3. ค่าช่วยเหลือเมื่อประสบภัยเท่าที่เสียหายจริง ไม่เกิน 50,000 บาทต่อครั้ง
4. ค่าของเยี่ยมในยามเจ็บป่วยหรือโอกาสสำคัญเท่าที่จ่ายจริง ไม่เกิน 3,000 บาทต่อครั้ง
5. เงินช่วยเหลือเมื่อเสียชีวิตเพื่อร่วมบำเพ็ญกุศลศพ 20,000 บาท
6. เงินช่วยเหลือค่าจัดทำหนังสือเผยแพร่ผลงานเมื่อเสียชีวิตเท่าที่จ่ายจริง ไม่เกิน 150,000 บาท
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี โดยสำนักศิลปะและวัฒนธรรม ได้ดำเนินการจัดเก็บและรวบรวมฐานข้อมูลศิลปินแห่งชาติชาวจังหวัดอุบลราชธานี จำนวน 16 ท่าน เพื่อยกย่อง เชิดชู สนับสนุน ส่งเสริม ศิลปินผู้สร้างสรรค์งานศิลปะอันทรงคุณค่า จนสร้างชื่อเสียงเกียรติคุณให้กับจังหวัด และคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ
ศิลปินแห่งชาติ https://aac.ubru.ac.th/ub_artist
1. นายคำหมา แสงงาม ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (ปั้นแกะสลัก) ปี 2529
นายคำหมา แสงงาม หรือ “ครูคำหมา” หรือ “จารย์ครูหมา” เป็นปรมาจารย์ทางช่างศิลป์ผู้มีฝีมือยอดเยี่ยม เป็นช่างคนเดียวของภาคอีสานที่ยังมีชีวิตอยู่ ที่มีความสามารถในการทำนกหัสดีลิงค์ได้อย่างสวยงาม เป็นผู้ที่มีความสามารถในด้านช่างศิลป์หลายสาขา มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถนำเอาแม่แบบของลายไทยมาใช้กับการแกะสลักลายเทียนให้ดูสวยงาม กลมกลืนไปกับศิลปะแบบพื้นบ้าน จนได้รับรางวัลหลายครั้ง มีความสามารถในการออกแบบและก่อสร้างพระอุโบสถ ศาลาการเปรียญ และอื่นๆ
https://aac.ubru.ac.th/ub_artist/files/pdf/01-khamma.pdf
2. นายทองมาก จันทะลือ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (หมอลำ) ปี 2529
นายทองมาก จันทะลือ เป็นบุคคลที่มีความสำคัญต่อสังคม ทำประโยชน์ ให้แก่สังคมมาก ได้ต่อสู้ชีวิตเริ่มจากไม่มีอะไรเลยด้วยความอุตสาหะวิริยะอย่างสูง ทำให้ความสามารถในการพัฒนาตัวเองให้ประสบความสำเร็จในชีวิต มีชื่อเสียง เป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับ และยกย่องให้เป็นศิลปินพื้นบ้านดีเด่นเป็นศิลปินแห่งชาติประเภทพื้นเมือง เป็นหมอลำชั้นครูที่ทุกวงการกล่าวขวัญถึง
3. นายเฉลิม นาคีรักษ์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ปี 2531
นายเฉลิม นาคีรักษ์ เกิดวันที่ 21 กันยายน พุทธศักราช 2460 ที่จังหวัดอุบลราชธานี เป็นศิลปินอาวุโสคนสำคัญด้านจิตรกรรมซึ่งเป็นที่ยอมรับนับถือในวงการศิลปะและศิลปศึกษาโดยทั่วไป มีผลงานดีเด่นทั้งในแนบศิลปะสมัยใหม่และศิลปะแบบประเพณีประยุกต์ ผลงานส่วนใหญ่เกี่ยวกับชีวิตและประเพณีไทย
4. นายเคน ดาเหลา ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (หมอลำ) ปี 2534
นายเคน ดาเหลา หรือที่รู้จักกันดีในหมู่คนอีสานว่า หมอลำเคน ฮุด เกิดเมื่อวันที่ 3 เมษายน พุทธศักราช 2473 ที่จังหวัดอุบลราชธานี เป็นศิลปินหมอลำอาวุโสของภาคอีสาน มีลีลาการลำและศิลปะการใช้น้ำเสียงเป็นที่ประทับใจคนฟังได้อย่างดียิ่ง เป็นผู้มีปฏิภาณเป็นเลิศในเชิงกลอนลำสด มีคารมคมคาย ทั้งลำทางสั้น ลำ ทางยาว ลำเต้ย และลำเบ็ดเตล็ดอื่นๆ รวมถึงสำนวนผญาแบบอีสาน
5. นางฉวีวรรณ พันธุ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (หมอลำ) ปี 2536
นางฉวีวรรณ พันธุ เกิดเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2488 ที่ บ้านหนองไหล ตำบลสร้างค่อน้อย อำเภอหัวตะพาน จังหวัดอุบลราชธานี เป็นบุตร นายชาลี นางแก้ว ดำเนิน ต่อมาสมรสกับ นายโกมินทร์ พันธุ มีบุตรด้วยกัน 2 คน เป็นชาย 1 คน หญิง 1 คน เมื่อพูดเป็น ฟังได้ พ่อก็ให้ร้อง ให้จำเสียงโดยวิธีเลียนเสียงร้องของสัตว์ต่างๆ เช่น แมว สุนัข ไก่ นก ฯลฯ พ่อจะสอนให้ใช้วิธีจำ วิธีจำแนกเสียงร้อง
https://aac.ubru.ac.th/ub_artist/files/pdf/05-chaweewan.pdf
6. นางบุญเพ็ง ไฝผิวชัย ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (หมอลำ) ปี 2540
นางบุญเพ็ง ไฝผิวชัย เกิดเมื่อวันที่ 22 กันยายน พุทธศักราช 2475 ที่จังหวัดอุบลราชธานี สนใจฝึกแสดงหมอลำมาตั้งแต่อายุ 12 ปี กับ หมอลำทองมี สายพิณหมอลำสุบรรณ พละสูรย์ เป็นผู้มีความจำและไหวพริบปฏิภาณสูง ฝึกลำอยู่ 2 ปี ก็สามารถรับงานแสดงเป็นของตนเองได้ และเนื่องจากเป็นหมอลำที่มีสำนวนคมคาย สามารถโต้ตอบกับหมอลำฝ่ายชายได้อย่างฉลาดเฉลียว เป็นที่ชื่นชอบของผู้ชม
7. นายคำพูน บุญทวี ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ (วรรณศิลป์) ปี 2544
นายคำพูน บุญทวี เกิดเมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน พุทธศักราช 2471 ณ บ้านทรายมูล ตำบลทรายมูล จังหวัดยโสธร (ขณะนั้นเป็นตำบลทรายมูล อำภอยโสธร จังหวัดอุบลราชธานี) บิดาชื่อนายสนิท มารดาชื่อนางลุน ประกอบอาชีพทำนา นายคำพูน บุญทวี เป็นนักเขียนที่สร้างสรรค์ผลงานวรรณศิลป์ต่อเนื่องเป็นเวลาเกือบ 30 ปี มีทั้งเรื่องสั้น นวนิยาย สารบันเทิงและสารคดี โดยใช้นามจริงคือ “คำพูน บุญทวี” เป็นหลัก
https://aac.ubru.ac.th/ub_artist/files/pdf/07-khamphoon.pdf
8. นายฉลาด ส่งเสริม ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (หมอลำ) ปี 2548
นายฉลาด ส่งเสริม หรือ เกแม่น้ำ(ป.ฉลาดน้อย ส่งเสริม) ชื่อเล่น เป เมื่อเยาว์วัยอยู่ในท้องถิ่นที่แวดล้อมด้วยธรรมชาติ ความงดงามของประเพณีและวัฒนธรรมของชาวชนบทควบคู่กับการละเล่น การแสดง ความบันเทิง ตามเทศกาลประเพณีต่างๆ โดยเฉพาะการเล่นหนังตะลุง (หนังบักตื้อ) ลิเกลาว (หมอลำหมู่ หมอลำกลอน) ชอบที่จะจดจำมาแสดงท่าทางเลียนแบบการร้อง การเต้น หนังตะลุง หมอลำหมู่ หมอลำกลอน
9. นายเผ่า สุวรรณศักดิ์ศรี ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ (สถาปัตยกรรมไทย) ปี 2553
นายเผ่า สุวรรณศักดิ์ศรี มีแนวคิดในการสร้างสรรค์ผลงาน ศึกษาค้นคว้าข้อมูลและรูปแบบจากสถาปัตยกรรมโบราณของท้องถิ่นทั้งภาคอีสาน ภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคกลาง อนุรักษ์และสืบทอดงานสถาปัตยกรรมไทย ตลอดจนการออกแบบสร้างสรรค์ ผลงานอย่างมีคุณภาพ ผลงานด้านพุทธศิลป์มีทั้งเจดีย์ วิหาร พระอุโบสถ และศาลา พัฒนารูปแบบและกรรมวิธีการก่อสร้างการเลือกใช้วัสดุให้เหมาะสมกับ สภาพสังคมและเศรษฐกิจ นับได้ว่าเป็นการนำวิธีการออกแบบโครงสร้างสมัยใหม่เข้ามาประยุกต์ ใช้กับอาคารสถาปัตยกรรมไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
http://art.culture.go.th/art01.php?nid=244
10. นางนิตยา รากแก่น ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (หมอลำ) ปี 2556
หมอลำบานเย็น รากแก่น เป็นศิลปินที่แม้จะมีรากฐานมาจากศิลปะการแสดงพื้นบ้านแต่ก็ไม่เคยหยุดนิ่งอยู่กับที่สนใจในการพัฒนารูปแบบและเนื้อหาของการแสดงเชิงสร้างสรรค์มาโดยตลอด ทั้งการพัฒนาวิธีการร้องรำที่มีเอกลักษณ์ในการใช้น้ำเสียงลูกเอื้อน การเลือกใช้ดนตรีผสมร่วมกันระหว่างเครื่องดนตรีพื้นบ้านอีสานกับเครื่องดนตรีสากลอย่างกลมกลืน
https://aac.ubru.ac.th/ub_artist/files/pdf/09-nitaya.pdf
11. นายพงษ์ศักดิ์ จันทรุกขา ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีไทยลูกทุ่ง) ปี 2557
นายพงษ์ศักดิ์ จันทรุกขา เกิดเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม พุทธศักราช 2479 ที่จังหวัดอุบลราชธานี สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนอุบลวิทยากร อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี เริ่มต้นทำงานที่โรงเรียนอุบลวิทยากร แต่ด้วยความรักที่จะทำงานเพลงและภาพยนตร์ ซึ่งได้ศึกษาเรียนรู้นอกระบบตามความใฝ่ฝันมาตลอด จึงหันมาทำงานในวงการบันเทิงอย่างจริงจัง
12. นายสมบัติ เมทะนี ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ภาพยนตร์และละครโทรทัศน์) ปี 2559
สมบัติ เมทะนี หรือชื่อเล่น แอ๊ด เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ภาพยนตร์และละครโทรทัศน์) ประจำปี 2559 นักแสดงและผู้กำกับภาพยนตร์ชาวไทย ผู้ชนะเลิศรางวัลตุ๊กตาทองและรางวัลชมรมวิจารณ์บันเทิง นอกจากนี้ กินเนสส์บุ๊กยังบันทึกไว้ว่าเป็นนักแสดงที่รับบทเป็นพระเอกมากที่สุดในโลก โดยแสดงเป็นพระเอกถึง 617 เรื่อง
13. นางคำปุน ศรีใส ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (ประณีตศิลป์-ทอผ้า) ปี 2561
นางคำปุน ศรีใส ได้รับการสืบทอดศิลปะการทอผ้าไหมจากบรรพบุรุษตั้งแต่วัยเยาว์ ทั้งการทอผ้าไหม สีต่างๆ ผ้าไหมมัดหมี่ชนิด ๒ ตะกอ ๓ ตะกอ และ 4 ตะกอ รวมถึงผ้าไหมยกเงินผ้าไหมยกทองนอกจากนี้ ได้พัฒนาการทอผ้าไหมให้มีลวดลายวิจิตรพิสดาร โดยยึดรากฐานการทอผ้าอีสาน คือ หมี่ ขิด ยก และ จก เป็นพื้นฐาน และพัฒนาผ้าไหมให้มีลวดลายหลากหลายยิ่งขึ้น โดยผ้าที่มีชื่อเสียงของบ้านคำปุนคือ ผ้าไหมมัดหมี่ผสม การจก (การปัก) ด้วยไหมสีต่างๆ มีทั้งไหมเงินไหมคำลงบนผืนลายผ้า เพื่อให้เกิดแสงเลื่อม พรายเมื่อต้องแสงไฟ ช่วยให้ผ้ามีความงดงามวิจิตรตระการตามากขึ้น อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะอันโดดเด่นของผ้า
14. นายมีชัย แต้สุจริยา ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (ประณีตศิลป์-ทอผ้า) ปี 2564
นายมีชัย แต้สุจริยาหรือ “ครูเถ่า” อยากจะมีส่วนร่วมในการลงมือทอผ้า แต่วัฒนธรรมไทยนั้นไม่อนุญาตให้ ‘เด็กผู้ชาย’ ทอผ้า เขาจึงสนองความอยากรู้ของตัวเองด้วยการช่วยเหล่าช่างทอผ้าหญิงย้อมมัดด้าย การลงมือซ่อมกี่ทอผ้าโบราณของคุณยายที่ได้รับตกทอดมา (คุณยาย รุ่นที่ 2 คุณแม่ รุ่นที่ 3 และมีชัย สืบทอดเป็นรุ่นที่ 4) และเฝ้าเก็บเกี่ยวเคล็ดลับภูมิปัญญาต่างๆ ขณะนั้น ไม่มีใครรู้เลยว่า เขาจะกลายมาเป็นหนึ่งในปรมาจารย์ด้านสิ่งทอสมัยใหม่คนสำคัญของประเทศ
https://www.culture.go.th/culture_th/ewt_news.php?nid=6814&filename=i
15. นายวิชชา ลุนาชัย ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ปี 2564
นายวิชชา ลุนาชัย มีผลงานเขียนจำนวนมากได้รับรางวัลวรรณกรรม ทั้งรางวัลหนังสือดีเด่นของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด และอื่นๆ รวมแล้วเกินกว่า ๓๐ รางวัลนวนิยาย ฝั่งแสงจันทร์ได้รับคัดเลือกเป็นหนังสืออ่านนอกเวลา ระดับมัธยมศึกษา ของกรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการนอกจากนี้ ผลงานยังได้รับความสนใจนำมาศึกษาวิจัย และทำวิทยานิพนธ์
16. นายสลา คุณวุฒิ ศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีไทยสากล – ประพันธ์เพลงไทยลูกทุ่ง)ปี 2564
จากประสบการณ์ชีวิตที่ได้เติบโตมาในภาคอีสาน และพรสวรรค์ในการใช้ภาษาที่ลึกซึ้งคมคาย นายสลาคุณวุฒิ จึงได้นำเรื่องราวชีวิตของคนรากหญ้ามาเรียงร้อยพรรณนาด้วยสำนวนโวหารที่ซาบซึ้งกินใจผู้ฟัง มีพล็อตเรื่องชัดเจน ทำนองติดหูมีภาษาที่เป็นส่วนผสมระหว่างโรแมนติคและสัจนิยม สร้างสรรค์ผลงานการประพันธ์เพลงจำนวนนับพันเพลงเป็นผู้ปลุกกระแสตลาดเพลงลูกทุ่งร่วมสมัยให้เป็นที่นิยมแพร่หลายทั้งในประเทศไทยและในประเทศเพื่อนบ้านและที่สำคัญคือเป็นผู้สร้างนักร้องลูกทุ่งประดับวงการจำนวนมาก
#มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี